สืบเนื่องจากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อาการป่วยกำเริบจนต้องย้ายตัวจากเรือนจำกรุงเทพมหานครมารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประชาชนหลายกลุ่มมีการเดินทางไปสอบถามเรื่องดังกล่าวกับโรงพยาบาลตำรวจ
โดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี ได้ใส่ชุดดำมาไว้อาลัยให้กับกรมราชทัณฑ์ พร้อมกับยื่นหนังสือให้กับพล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ให้ช่วยคลายข้อกังขาหลังจากรับตัวนายทักษิณมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
โดย นพ.ตุลย์ บอกว่า เนื่องจากการรับตัวนายทักษิณมา ได้ถูกสังคมตั้งคำถาม เป็นที่ครหาต่อโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากหากนายทักษิณ มีอาการป่วยหนักอย่างที่แถลงข่าว ก็ควรรักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยไอซียู ไม่ใช่ห้องพิเศษ ขณะเดียวกันการจัดห้องรับรองพิเศษไม่สมควร แม้นายทักษิณจะเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน แต่ขณะนี้เป็นผู้ต้องขัง เนื่องจากเป็นการได้รับสิทธิพิเศษเหนือผู้ต้องขังทั่วไป
ทั้งนี้โรงพยาบาลตำรวจ ยังเป็นเพียงสถานพยาบาลที่รักษาชั่วคราว ในกรณีที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่มีศักยภาพในการรักษา โรงพยาบาลตำรวจควรจะเร่งรักษานายทักษิณตามมาตรฐานทางการแพทย์ ให้กลับมาอยู่ในอาการปกติ และส่งกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ ไม่ใช่รอเปิดโอกาสให้ญาติมาเยี่ยม
ขณะที่ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ยื่นหนังสือถึงนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจขอให้มีการเปิดเผย และชี้แจง อาการป่วยของนายทักษิณ พร้อมระบุว่าแม้จะทราบดีว่าอาการป่วยไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้น แต่ขณะนี้มีสิ่งที่สังคมสงสัย เพราะหลังจากนายทักษิณถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีอาการป่วยจนโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่งตัวมาที่โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ภาพที่ปรากฎมานายทักษิณ ก็ดูมีสุขภาพแข็งแรงปกติ ทำให้มีการตั้งขอสังเกตว่า เป็นการสมคบคิดให้มีการนำตัวนายทักษิณออกมาภายนอกหรือไม่ และเมื่อย้ายมาโรงพยาบาลตำรวจแล้ว ทางโรงพยาบาลกลับแถลงข่าวอีกว่าแอร์เสีย เครื่องมือไม่พร้อม จึงกังวลว่า จะมีการย้ายนายทักษิณไปโรงพยาบาลเอกชนหรือไม่คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นอกจากนั้น นายพิชิต ยังบอกด้วยว่า กังวลว่าบุคคลทางการแพทย์จะตกเป็นเครื่องมือดำเนินการให้อภิสิทธิ์แก่ผู้ต้องขังคนใดคนหนึ่ง จึงขอเรียกร้องไปถึงนายแพทย์ใหญ่ ออกมายืนยันด้วยจรรยาบรรณของแพทย์ว่า นายทักษิณยังรักษตัวอยู่ที่โรงพยายาลตำรวจ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้แพทย์ภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมในการรักษา รวมทั้งให้ กสม. เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพื่อปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือสมคบคิด และให้สังคมนั้นคลายข้อสงสัย